ดื่มน้ำเย็นดีจริงหรือ? หมอจีนตอบ: 3 กลุ่มคนนี้ควรเลี่ยงน้ำเย็น!


สารบัญ

  1. บทนำ
  2. ทำไมฤดูร้อนคนถึงชอบดื่มน้ำเย็น?
  3. แพทย์แผนจีนมองอย่างไรกับการดื่มน้ำเย็น?
  4. ผลเสียและกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยง
  5. ถ้าร้อนมากและอยากดื่มน้ำเย็น ควรทำอย่างไร?
  6. วิธีดื่มน้ำที่ดีต่อสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์จีน
  7. สรุป
  8. Q&A

บทนำ

ในหน้าร้อนที่อากาศร้อนจัด KUBET หลายคนชอบหยิบน้ำเย็นมาดื่มเพื่อคลายร้อนและดับกระหายทันที แต่รู้ไหมว่าน้ำเย็นอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะในแง่ของการทำงานของระบบย่อยอาหารและการไหลเวียนของพลังชีวิต KUBET ตามหลักแพทย์แผนจีน

หัวข้อรายละเอียด
สถานการณ์ดื่มน้ำเย็นในหน้าร้อนที่อากาศร้อนจัด เพื่อคลายร้อนและดับกระหาย
ข้อดีของน้ำเย็น– ช่วยลดอุณหภูมิร่างกายทันที- รู้สึกสดชื่น คลายร้อนได้เร็ว
ผลเสียของน้ำเย็นตามแพทย์แผนจีน– ส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้อวัยวะย่อยอาหาร “เย็นลง” ทำงานช้าลง- ระบบไหลเวียนของพลังชีวิต (ชี่) ลดลง- อาจทำให้เกิดปัญหาท้องอืด ปวดท้อง หรือท้องเสียได้- รบกวนสมดุลของหยินและหยางในร่างกาย
ผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว– ทำให้ระบบย่อยอาหารอ่อนแอ- พลังชีวิตไหลเวียนไม่เต็มที่ ร่างกายอ่อนเพลีย- เสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวกับพลังงานหยางต่ำในร่างกาย
คำแนะนำตามแพทย์แผนจีน– ดื่มน้ำในอุณหภูมิห้องหรืออุ่นเล็กน้อยแทน- ดื่มน้ำอุ่นช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร- เพิ่มการบริโภคอาหารที่ช่วยเสริมหยาง เช่น ขิง กระเทียม- หลีกเลี่ยงน้ำเย็นจัดในปริมาณมากโดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร

ทำไมฤดูร้อนคนถึงชอบดื่มน้ำเย็น?

หลายคนชอบดื่มน้ำเย็นเพื่อคลายร้อนและดับกระหายทันที แต่การดื่มน้ำเย็นอาจส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารและการไหลเวียนพลังชีวิตตามหลักแพทย์แผนจีน

แพทย์แผนจีนมองอย่างไรกับการดื่มน้ำเย็น?

ร่างกายเราเปรียบเสมือนหม้อต้มน้ำขนาดเล็กที่ต้องใช้ “พลังหยาง” ในการขับเคลื่อนอวัยวะภายใน เมื่อเทน้ำเย็นลงไปเหมือนเทน้ำแข็งลงไปในหม้อร้อน จะทำให้ “ไฟ” KUBET ในร่างกายดับลงอย่างรวดเร็ว
สรุปคือ:
ดื่มน้ำเย็น = ลดความร้อนในร่างกายเร็วเกินไป = ทำร้าย (ม้าม-กระเพาะอาหาร), KUBET เย็นทำให้พลังชีวิตไหลเวียนติดขัด และกระทบต่อการเผาผลาญ

ผลเสียและกลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยง

ม้าม-กระเพาะอาหาร สำคัญอย่างไรในแพทย์แผนจีน?
ม้าม กระเพาะ คือศูนย์กลางการย่อยและดูดซึมอาหาร
(ม้าม) ทำหน้าที่ “ยกของดี” หรือดูดซึมสารอาหารขึ้นไปเลี้ยงร่างกาย
(กระเพาะ) ทำหน้าที่ “ปล่อยของเสีย” หรือขับของเสียลงไปขับถ่าย
น้ำเย็นที่ดื่มเข้าไปจะทำให้การย่อยช้าลง KUBET และส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร

ดื่มน้ำเย็นแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
– กระเพาะอาหารทำงานลดลง → ท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูก
– ระบบย่อยทำงานช้าลง ส่งผลให้สารอาหารดูดซึมน้อยลง ร่างกายขาดพลัง
– ระบบพลังชีวิตไหลเวียนติดขัด อาจส่งผลต่ออารมณ์ เช่น วิตกกังวล หรือ นอนไม่หลับ
– มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจากระบบย่อยอาหารไปยังระบบอื่น ๆ KUBET ในร่างกาย

3 กลุ่มคนที่ควรหลีกเลี่ยงน้ำเย็น
1. กลุ่มคนที่มีม้าม-กระเพาะอ่อนแอ
มีอาการท้องอืดบ่อยๆ รู้สึกเย็นที่ท้อง ดื่มน้ำเย็นจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง ท้องอืดเหมือนลูกโป่งพอง KUBET บางครั้งอาจปวดท้องด้วย
2. ผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน
น้ำเย็นอาจกระตุ้นให้มดลูกหดตัวมากขึ้น เลือดไหลเวียนไม่สะดวก KUBET ทำให้ปวดท้องประจำเดือนหนักขึ้น มีลิ่มเลือด และประจำเดือนมาไม่ปกติ
3. คนที่มีร่างกายเย็น เช่น มือเท้าเย็น ชอบจามง่าย
ดื่มน้ำเย็นซ้ำเติมความเย็นในร่างกาย ทำให้เหนื่อยง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำลง และป่วยบ่อยขึ้น

ผลเสียระยะยาวจากการดื่มน้ำเย็นบ่อย ๆ
– ระบบย่อยอาหารทำงานลดลง
– ม้ามและกระเพาะอาหารเย็นชะลอการเผาผลาญและดูดซึมสารอาหาร KUBET
– ประจำเดือนผิดปกติและปวดประจำเดือนเพิ่มขึ้น
– เกิดภาวะบวมน้ำ
– ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง
– เกิดความชื้นเย็นสะสมในร่างกาย

ถ้าร้อนมากและอยากดื่มน้ำเย็น ควรทำอย่างไร?

– ลดความเย็นของน้ำ โดยเติมน้ำแข็งแค่ 2-3 ก้อนในน้ำธรรมดา เพื่อให้รู้สึกเย็นโดยไม่เย็นเกินไป
– เพิ่มกลิ่นหอมจากธรรมชาติ เช่น ใส่เลมอนหรือใบสะระแหน่ เพิ่มความสดชื่นและความเย็นโดยไม่ต้องดื่มน้ำเย็นจัด
– อย่าดื่มน้ำเย็นตอนท้องว่าง ควรดื่มน้ำเย็นหลังอาหาร และดื่มเพียงเล็กน้อย
– ดื่มช้าๆ ให้เวลาน้ำอยู่ในปาก การอมไว้ในปากจะช่วยลดความเย็นที่ลงไปถึงกระเพาะ

วิธีดื่มน้ำที่ดีต่อสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์จีน

– น้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 35-45 องศาเซลเซียส ใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกายและไม่ทำร้ายม้ามและกระเพาะอาหาร
– ดื่มน้ำเป็นช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เช่น หลังตื่นนอน เช้า บ่าย เย็น เพื่อกระตุ้นระบบย่อย
– อย่ารอให้กระหายแล้วค่อยดื่ม เพราะอาจแปลว่าร่างกายขาดน้ำมานานแล้ว
– ดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว สูตรแนะนำ = น้ำหนัก (กก.) × 30-40 มิลลิลิตร เช่น น้ำหนัก 60 กก. ควรดื่มน้ำวันละ 1800-2400 มิลลิลิตร

สรุป

แม้ว่าการดื่มน้ำเย็นจะช่วยคลายร้อน แต่ไม่เหมาะสำหรับทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ ผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน และคนที่มีร่างกายเย็น KUBET ควรหลีกเลี่ยงหรือลดการดื่มน้ำเย็นลง เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาว และดูแลม้ามและกระเพาะอาหารให้แข็งแรง เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

Q&A

คำถามที่ 1:
ทำไมแพทย์แผนจีนจึงไม่แนะนำให้ดื่มน้ำเย็น?
คำตอบ:
เพราะแพทย์แผนจีนมองว่าร่างกายต้องใช้พลังหยางในการขับเคลื่อนระบบย่อยอาหารและพลังชีวิต การดื่มน้ำเย็นจะลดพลังหยาง ทำให้การย่อยอาหารช้าลง การไหลเวียนของพลังชีวิตติดขัด และส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญ

คำถามที่ 2:
กลุ่มคนใดที่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น?
คำตอบ:
ผู้ที่มีม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ
ผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน
คนที่มีร่างกายเย็น เช่น มือเท้าเย็นหรือจามง่าย

คำถามที่ 3:
ผลเสียระยะยาวของการดื่มน้ำเย็นบ่อย ๆ มีอะไรบ้าง?
คำตอบ:
ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานลดลง ม้าม-กระเพาะอาหารเย็นเกินไป ส่งผลให้เผาผลาญและดูดซึมอาหารไม่ดี, ประจำเดือนผิดปกติ, ภาวะบวมน้ำ, ภูมิคุ้มกันลดลง และเกิดความชื้นเย็นสะสมในร่างกาย

คำถามที่ 4:
หากอยากดื่มน้ำเย็นในช่วงอากาศร้อน ควรทำอย่างไร?
คำตอบ:
ควรลดปริมาณความเย็น เช่น ใส่น้ำแข็งเล็กน้อย เพิ่มความหอมจากธรรมชาติเช่นใบสะระแหน่ ดื่มหลังอาหารเท่านั้น และจิบน้ำช้าๆ โดยอมไว้ในปากเพื่อลดผลกระทบต่อกระเพาะ

คำถามที่ 5:
วิธีดื่มน้ำที่ดีต่อสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์จีนคืออะไร?
คำตอบ:
ดื่มน้ำอุ่นอุณหภูมิ 35-45 องศาเซลเซียส, ดื่มเป็นช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน, อย่ารอให้กระหายแล้วค่อยดื่ม และควรดื่มตามน้ำหนักตัว (น้ำหนัก × 30-40 มิลลิลิตร ต่อวัน)






เนื้อหาที่น่าสนใจ:

More Articles & Posts